ระบบการขาย
ผู้จัดการฝ่ายขาย
- สามารถเข้าระบบอื่นๆ ได้แต่ไม่สามารถแก้ไข หรือ ลบข้อมูลได้
ดูได้อย่างเดียว
- สามารถเรียกดูข้อมูลย้อนหลังของระบบการขายได้
- สามารถเรียกดูข้อมูลการจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าจากระบบการขนส่งได้
พนักงานฝ่ายขาย
- สามารถเรียกดูข้อมูลสินค้า จากระบบการคลังได้
- สามารถเพิ่ม ลบ แก้ไข
ข้อมูลลูกค้าได้
- สามารถเพิ่ม
ลบ แก้ไข ข้อมูล ออเดอร์ได้
- สามารถเรียกดูข้อมูลใน
ระบบการขายได้
- สามารถทำใบเบิกสินค้า
จากระบบการคลังได้
- สามารถดู สถานการณ์จัดส่งสินค้าให้กับลูกค้า
จากระบบการขนส่งได้
การเสนอแนวทางเลือกในการนำระบบพัฒนาระบบการขายและการตลาดมาใช้งาน
แผนกการขายและการตลาด มีหน้าที่ในการให้บริการจำหน่ายสินค้า
โดยแผนกการขายและการตลาดจะเก็บข้อมูลการสั่งซื้อสินค้า ข้อมูลการส่งของ
แนวทางเลือกเพื่อนำระบบใหม่มาใช้งานโดยมีแนวทางเลือกจำนวนทั้งสิ้น 3
ทางเลือก ดังนี้
ทางเลือกที่ 2 : ว่าจ้างบริษัทภายนอกเพื่อพัฒนาระบบ
มีรายละเอียดดังตารางต่อไปนี้
การประเมินแนวทางเลือกที่ 1
ทางทีมงานได้ทาการประเมินผลแนวทางเลือกซอฟต์แวร์ที่เหมาะสม
โดยกำหนดเกณฑ์การให้น้ำหนัก (คะแนน) เชิงปริมาณเปรียบเทียบไว้เป็น 4 ระดับ ดังนี้
น้ำหนักเท่ากับ 4 ช่วงคะแนน 100-90 เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ ดีมาก
น้ำหนักเท่ากับ 3 ช่วงคะแนน 89-70 เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ ดี
น้ำหนักเท่ากับ 2 ช่วงคะแนน 69-50 เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ พอใช้
น้ำหนักเท่ากับ 1 ช่วงคะแนน 49-30 เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ ปรับปรุง
สรุปผลการประเมินแนวทางเลือกที่
1
สรุปผลการประเมินแนวทางเลือกและคัดเลือกซื้อ Software
A มาใช้งาน
เนื่องจากมีความเหมาะสมและตรงกับความต้องการมากที่สุด
ทางเลือกที่ 2 : ว่าจ้างบริษัทภายนอกเพื่อพัฒนาระบบ
มีรายละเอียดดังตารางต่อไปนี้
การประเมินแนวทางเลือกที่ 2
ทางทีมงานได้ทาการประเมินผลแนวทางเลือกว่าจ้างบริษัทภายนอกเพื่อพัฒนาระบบ
ที่เหมาะสม โดยกำหนดเกณฑ์การให้น้ำหนัก (คะแนน) เชิงปริมาณเปรียบเทียบไว้เป็น 4 ระดับ ดังนี้
น้ำหนักเท่ากับ 4 ช่วงคะแนน 100-90 เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ ดีมาก
น้ำหนักเท่ากับ 3 ช่วงคะแนน 89-70 เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ ดี
น้ำหนักเท่ากับ 2
ช่วงคะแนน 69-50 เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ พอใช้
น้ำหนักเท่ากับ 1
ช่วงคะแนน 49-30 เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ที่ได้ ปรับปรุง
สรุปผลการประเมินแนวทางเลือกที่
2
สรุปผลการประเมินแนวทางเลือกและคัดเลือกว่าจ้างบริษัทติดตั้งระบบ A มาใช้งาน เนื่องจากมีความเหมาะสมและตรงกับความต้องการมากที่สุด
แนวทางเลือกที่ 3 : ใช้ทีมงานเดิมพัฒนาและติดตั้งระบบ
มีรายละเอียดเพิ่มเติมดังตารางต่อไปนี้
การประเมินแนวทางเลือกที่ 3 ไม่มี
ในที่นี้ไม่มีข้อเปรียบเทียบ
สรุปผลการประเมินแนวทางเลือกที่ 3 ทางทีมงานพิจารณาแล้วว่า
มีขีดความสามารถที่จะพัฒนาระบบได้ตามข้อกำหนดคุณสมบัติทางเทคนิคและความต้องการของผู้ใช้งานตามที่จัดทำ
โดยใช้ระยะเวลาดำเนินการจำนวนทั้งสิ้น 6 เดือน
และมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจำนวนเงินทั้งสิ้น 240,000 บาท (ค่าเงินเดือน ค่าอุปกรณ์ ค่าล่วงเวลา ค่าเบ็ดเตล็ด
และค่าสำรองฉุกเฉิน )
เปรียบเทียบแนวทางเลือกทั้ง
3
ผลจากการพิจารณาแนวทางเลือกของทีมงานจากทั้งสามแนวทาง จะนำ
เสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะผู้บริหารเพื่อพิจารณา
เลือกแนวทางตามที่ได้นำเสนอจากทีมงานพัฒนา
พร้อมข้อเสนอแนะในแต่ละแนวทางเลือกหลักทั้งสาม โดยมีรายละเอียดดังนี้
ผู้บริหารเลือกแนวทางที่ดีที่สุด
หลังจากหัวหน้าทีมงานได้เสนอแนวทางเลือก
โดยจัดทำข้อมูลเปรียบเทียบและข้อเสนอแนะแก่ทีมผู้บริหาร
โดยใช้กฎเกณฑ์การให้น้ำหนัก (คะแนน) ดังตารางต่อไปนี้
สรุปผลการประเมินโดยทีมงานผู้บริหาร
ทางทีมงานผู้บริหารได้พิจารณาตัดสินใจเลือกแนวทางใช้ทีมงานเดิมพัฒนาและติดตั้งระบบ
(In-House Development)เนื่องจากมีความเหมาะสมและตรงกับความต้องการมากที่สุด
นอกจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและความคุ้มค่าในการลงทุนแล้ว
ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีของพนักงานภายในบริษัท
พร้อมทั้งได้กำหนดมาตรการและมอบหมายแก่ผู้บังคับบัญชาโดยตรง
คอยควบคุมดูแลทีมงานพัฒนาให้ดำเนินการเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้
ขั้นตอนที่ 2
การเริ่มต้นและวางแผนโครงการ
เป้าหมาย
นำระบบสาระสนเทศเพื่อการพัฒนาระบบการขาย
ซื้อ-ขายสินค้าของบริษัทเพื่อลดภาระของฝ่ายการขาย วัตถุประสงค์
โครงการการพัฒนาระบบการขาย ซื้อ-ขาย สินค้าของบริษัท
มีวัตถุประสงค์ของการดำเนินงานเพื่อวิเคราะห์ ออกแบบ และพัฒนาให้เป็นระบบงานขายที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้
ได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ ขอบเขตของระบบ
โครงการพัฒนาระบบการการพัฒนาระบบการ
ช่วยการซื้อ-ขายสินค้าของบริษัทได้มีการจัดทำขึ้นโดยการว่าจ้างบริษัทA มารับผิดชอบโครงการ พร้อมกันนี้ได้กำหนดขอบเขตของระบบนี้มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
-
ระบบจะต้องสามารถเรียกข้อมูลการซื้อ-ขายสินค้าของทางบริษัท
-
ระบบสามารถตรวจสอบการซื้อขายสินค้าได้
-
ช่วยการซื้อขายสินค้าของทางบริษัทได้สะดวก รวดเร็ว
-
สามารถตรวจเช็คสินค้าว่ามีเพียงพอกับการจำหน่ายสินค้าหรือไม่
-
ระบบจะต้องรองรับการทำงานแบบ Multi-User ได้
-
ระบบจะต้องใช้งานง่ายและสะดวก
-
ระบบจะต้องเกิดข้อผิดพลาดน้อยที่สุดต่อการทำงาน
-
ระบบจะต้องมีความถูกต้องและแม่นยำมากที่สุด
ความต้องการในระบบ
ความต้องการในระบบใหม่ที่รวบรวมมาได้ คือ
-
ความรวดเร็วของระบบใหม่ในการทำงาน
-
สามารถเก็บข้อมูลเกี่ยวกับรายรับ การซื้อขายสินค้า
และตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวได้
-
สามารถเพิ่ม แก้ไข เปลี่ยนแปลงข้อมูลได้
-
สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
-
การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงานทุกฝ่ายเช่น
ฝ่ายคลังสินค้า
ประโยชน์ที่ได้รับจากระบบ
-
บริษัทสามารถตรวจสอบแก้ไข รายรับ การซื้อขายสินค้า
-
บริษัทสามารถทราบยอดรายรับ-จ่ายของบริษัท
-
บริษัทมีผลการดำเนินการที่ดีขึ้น
-
ขั้นตอนการทำงานของระบบการขายในบริษัทที่มีความรวดเร็ว
-
สั่งจอง-การซื้อขาย ชัดเจนและรวดเร็วในการทำงาน
-
สามารถจัดเก็บยอดรายรับ ของบริษัทได้รวดเร็วและถูกต้อง
และมีเอกสารใบเสร็จยืนยันให้ลูกค้า
-
การทำงานของพนักงานเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ
-
ลดระยะเวลาในการทำงาน
แนวทางในการพัฒนา
แนวทางในการพัฒนา
การพัฒนาระบบของบริษัท อิชิไม่ตัน จำกัด เป็นการพัฒนาระบบในส่วนของ
ของแผนกการขายในส่วนของการทำระบบรายรับและการสั่งซื้อการขายสินค้าของบริษัท
เพื่อลดภาระของฝ่ายการขายตามความต้องการในระบบที่ทีมงานได้รวบรวมจากผู้ใช้ที่เกี่ยวข้องดังกล่าว
และผ่านการอนุมัติให้ดำเนินโครงการแล้วจากนั้นจึงได้จำลองขั้นตอนการทำงานของระบบ
นำเสนอให้ผู้บริหารและผู้ใช้ระบบเพื่อตรวจสอบความถูกต้องและนำมาแก้ไขให้ตรงตามความต้องการ
1. การค้นหาและเลือกสรรโครงการ
2. การเริ่มต้นและการวางแผนโครงการ
3. การวิเคราะห์ระบบ
4. การออกแบบเชิงตรรกะ
5. การออกแบบเชิงกายภาพ
6. การพัฒนาและติดตั้งระบบ
7. การซ่อมบำรุงระบบ
ขั้นตอนที่ 1 การค้นหาและเลือกสรรโครงการ ( Project
Identification and Selection )
เป็นขั้นตอนในการค้นหาโครงการเพื่อพัฒนาระบบให้เหมาะสมกับระบบเดิมหรือให้เหมาะสมกับองค์กรที่มีการเปลี่ยนแปลงหรือต้องการระบบเพื่อนำมาใช้ในการบริหารงานในส่วนที่เกิดความบกพร่องของบริษัท
เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุดในการทางานขององค์กร ดังนั้นจึงได้ยกตัวอย่างบริษัทที่ต้องการพัฒนาระบบคือบริษัท
อิชิไม่ตัน จำกัด ข้อมูลดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
ในส่วนของระบบที่ต้องการแก้ไขคือ
-จัดเก็บข้อมูลรายรับ- ซื้อขาย สินค้า
-การตรวจสอบการสั่งจองสินค้า
ขั้นตอนที่ 2 การเริ่มต้นและวางแผนโครงการ
เป็นขั้นตอนในการเริ่มต้นทำโครงการด้วยการเริ่มต้นจัดตั้งทีมงาน
ซึ่งเราจะต้องกำหนดหน้าที่ให้กับทีมงานแต่ละคนอย่างชัดเจนเพื่อร่วมกันสร้างแนวทางเลือกในการนำระบบใหม่มาใช้งานและนอกจากขั้นตอนดังกล่าวแล้วยังมีขั้นตอนอื่นอีกมากที่เกี่ยวข้องซึ่งเราสามารถสรุปกิจกรรมในขั้นตอนนี้ได้ดังนี้
-เริ่มต้นทำโครงการ
ก่อนเริ่มทำโครงการเราควรศึกษาระบบเดิมในการทำงานก่อน
-กำหนดวัตถุประสงค์หรือทางเลือกในการนำระบบมาใช้
-วางแผนการทำงานของระบบ
ขั้นตอนที่ 3 การวิเคราะห์
1. ศึกษาขั้นตอนการทำงานของระบบ ดูว่าการทำงานของระบบการขาย
มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้อย่างไรและเหตุใดจึงต้องมีการเปลี่ยนแปลงระบบ
และระบบที่เปลี่ยนแปลงนี้จะเปลี่ยนในส่วนของระบบการสั่งซื้อสินค้า
2. การรวบรวมความต้องการในระบบใหม่จากผู้ใช้ระบบ ศึกษาหรือสอบถามข้อมูลของระบบเดิมจากพนักงานหรือผู้ใช้ระบบ
3. จำลองแบบความต้องการที่รวบรวมได้ เมื่อเรารวบรวมข้อมูลมาได้แล้ว
ก็สามารถออกแบบจำลองดังกล่าวได้
ด้วยวิธีการใดก็ได้ที่นักวิเคราะห์ระบบนำมาใช้ในการทำงานของระบบ
ขั้นตอนที่ 4 การออกแบบเชิงตรรกะ
เป็นขั้นตอนในการออกแบบขั้นตอนการทำงานของระบบในแต่ละส่วนงานหรือแต่ละแผนกของงาน
ซึ่งในการออกแบบระบบ ระบบงานที่ได้ในแต่ละส่วนจะไม่เหมือนกัน
ซึ่งอาจจะมีแบบฟอร์มหรือผลลัพธ์ที่ได้เมื่อเราวิเคราะห์ขบวนเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ขั้นตอนที่ 5 การออกแบบเชิงกายภาพ
ในขั้นตอนนี้เป็นการทำงานของระบบในส่วนของเทคนิคของโปรแกรมหรืออุปกรณ์ต่าง
ๆ ที่นำมาใช้ในการปรับปรุงระบบอาจจะเป็นระบบรายรับ การซื้อขายสินค้า ฐานข้อมูล
เพื่อให้ผู้ใช้งานระบบสามารถเข้าใจขั้นตอนการทำงานมากขึ้น
ซึ่งสิ่งที่ได้ในส่วนนี้จะเป็นแค่การออกแบบหลังจากนั้นจะทำการส่งให้โปรแกรมเมอร์ต่อไป
ขั้นตอนที่ 6 การพัฒนาและติดตั้งระบบ
ขั้นตอนนี้จะนำข้อมูลเฉพาะในส่วนที่ต้องการออกแบบของระบบมาทำการเขียนโปรแกรม
เพื่อให้เป็นไปตามคุณลักษณะที่ต้องการของระบบงาน
อาจนำโปรแกรมที่เขียนสำเร็จรูปแล้วมาใช้งานในระบบก็ได้
หลังจากเขียนโปรแกรมแล้วเราก็ควรทำการทดลองว่าโปรแกรมใช้งานได้เหมาะสมกับการทางานของบริษัทหรือไม่
ซึ่งในขั้นตอนนี้มีกระบวนการทำงานดังนี้
· เขียนโปรแกรม
· ทดสอบโปรแกรม
· ติดตั้งระบบ
· จัดทำเอกสาร
สรุปผลการทำงานของระบบ
ขั้นตอนที่ 7
การซ่อมบำรุงระบบ
อาจจะเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการปรับปรุงระบบ
เพราะหลังจากได้ระบบใหม่มาแล้ว
เราก็นำเอาระบบที่ได้มานี้ทำการแก้ไขหากระบบที่ได้มาเกิดข้อผิดพลาด
แผนการดำเนินงานของโครงการ
แผนการดำเนินงานของโครงการที่ต้องการวิเคราะห์ระบบที่มีการเปลี่ยนแปลง
คือ รายรับ ระบบการขายสินค้า และส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องมีดังต่อไปนี้
- ทีมงานผู้รับผิดชอบโครงการ
- ประมาณการใช้ทรัพยากร
- ประมาณการใช้งบประมาณ
- ประมาณระยะเวลาดำเนินงาน
ทีมงานรับผิดชอบโครงการ
ทีมงานผู้รับผิดชอบโครงการที่จะได้รับมอบหมาย คือ
บุคลากรแผนกคอมพิวเตอร์ทั้ง 3 คนจะดำรงตำแหน่งหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ดังต่อไปนี้
- นักวิเคราะห์และออกแบบระบบ ทำหน้าที่ในการวิเคราะห์และออกแบบระบบ
ตลอดจนเก็บรวบรวมข้อมูลและติดต่อประสานงานระหว่างผู้ใช้กับทีมโปรแกรมเมอร์
จัดทำเอกสารของระบบ ทดสอบโปรแกรมของระบบ และอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
- โปรแกรมเมอร์ ทำหน้าที่ในการเขียนและติดตั้งโปรแกรมของระบบ
รวมทั้งทดสอบโปรแกรมและพัฒนาตัวต้นแบบเพื่อสอบถามความคิดเห็นและผลการตอบรับจากผู้ใช้ระบบ
ประมาณการใช้แหล่งทรัพยากร
1.เครื่องแม่ข่าย server จำนวน 1
เครื่อง
2.เครื่องลูกข่าย (Workstation) จำนวน5
เครื่อง
3.เครื่องพิมพ์ (Printer) 4
เครื่อง
4. อุปกรณ์ต่อพวง 8 ชุด (ตามความเหมาะสม)
ประมาณการใช้งบประมาณ
1. ค่าตอบแทนสำหรับทีมพัฒนาระบบ
120,000 บาท
2. ค่าอุปกรณ์ต่างๆในการดำเนินงาน
75,000 บาท
3. ค่าบำรุงรักษาระบบ
35,000
บาท
รวม 230,000 บาท
ประมาณการระยะเวลาดำเนินงาน
ระยะเวลาดำเนินการจัดทำระบบรายรับ-รายจ่าย
ประมาณการว่าจะต้องใช้ระยะเวลา 6 เดือน นับตั้งแต่ เดือน มกราคม –มิถุนายน 2558 ซึ่งระยะเวลาที่ประมาณการนี้รวมเพื่อเวลาที่ต้องสูญเสียไป
กรณีมีเหตุไม่คาดคิด
ขั้นตอนที่ 3
การกำหนดความต้องการของระบบ
เมื่อโครงการพัฒนา ระบบรายรับการซื้อสินค้า
ได้รับการอนุมัติจากการนำเสนอโครงการในขั้นตอนที่ผ่านมา ดังนั้น
จึงเริ่มต้นด้วยความการเก็บรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม
เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากระบบเดิม ในการกำหนดความต้องการครั้งนี้
ทีมงานเลือกใช้วิธีการสังเกตการณ์โดยสังเกตการณ์แบบไม่รู้ตัว
ออกสังเกตการณ์
บุคคลผู้ที่ถูกสังเกตการณ์
คือบุคคลที่ทำหน้าที่เดินส่งเอกสารต่างในบริษัท โดยแต่ละแผนกอยู่ไกลกัน
ข้อมูลและเอกสารของระบบงานเดิมที่รวบรวมได้
จากการที่ทีมงานได้เก็บรวบรวมข้อมูลของระบบ ด้วยวิธีการสังเกตการณ์
สามารถสรุปข้อมูลที่ได้รับดังนี้
ความต้องการในระบบใหม่
-ความรวดเร็วของระบบใหม่ในการทางาน
-สามารถเก็บข้อมูลเกี่ยวกับรายรับ การซื้อขายสินค้า
และตรวจสอบข้อมูลดั่งกล่าวได้
-สามารถเพิ่ม แก้ไข เปลี่ยนแปลงข้อมูลได้
-สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
-การเพิ่มประสิทธิภาพในการทางานของพนักงานทุกฝ่ายเช่น ฝ่ายคลังสินค้า
ขั้นตอนที่ 4
แบบจำลองขั้นตอนการทำงานของระบบ
แบบจำลองขั้นตอนการทำงานของระบบ ระบบพัฒนาระบบงานซื้อขายสินค้า
บริษัทธาราทิพย์ จำกัด ขั้นตอนการวิเคราะห์ความต้องการของระบบใหม่
(System Requirement Structuring)
อธิบาย Context Diagram
จาก Context Diagram ของระบบการบริหารงาน
บริษัท อิชิตัน จำกัด ซึ่งสัญลักษณ์ Process จะใช้แทนการทำงานทุกขั้นตอนของระบบการซื้อขายสินค้านี้
โดย External Agents ที่เกี่ยวข้องกับระบบ ได้แก่
ผู้จัดการ แผนกการขาย External Agents ดังกล่าวกับระบบการซื้อขายสินค้า
ทำให้ทราบโดยภาพรวมว่าระบบมีความสามารถทำอะไรได้บ้าง
สามารถอธิบายเอกสารข้อมูลที่อยู่บนDataflow เข้าและออกระหว่าง External Agents และระบบ
ได้ดังนี้
แผนกการขาย
พนักงานจะมีหน้า เพิ่ม/ลบ/แก้ไข ข้อมูลสินค้า ข้อมูลลูกค้า
ข้อมูลสินค้า เมื่อสำเร็จแล้ว ระบบจะทำการยืนยัน การเพิ่ม/ลบ/แก้ไข
ผู้จัดการ
จะเรียกดูข้อมูลระบบซึ่งอาจจะดูมาจากรายงานจากแผนกการขายหรือดูในระบบ
โดยในระบบจะมีข้อมูลลูกค้า ข้อมูลสินค้า ข้อมูลการสั่งซื้อ
และเมื่อข้อผิดพลาดหรือต้องแก้ไข จะส่งกลับไปให้พนักงานแผนกการขายทำการแก้ไข
แล้วดาเนินงานไปยังขั้นตอนต่อไป
Data flow Diagram Level 0
อธิบาย Data flow Diagram Level 0
จาก Context Diagram สามารถแบ่งขั้นตอนการทำงานภายในระบบออกเป็น 3 ขั้นตอน ดังนั้นจึงแยก Process ที่เกี่ยวข้องกับระบบ ดังรายละเอียดต่อไปนี้
จาก Context Diagram สามารถแบ่งขั้นตอนการทำงานภายในระบบออกเป็น 3 ขั้นตอน ดังนั้นจึงแยก Process ที่เกี่ยวข้องกับระบบ ดังรายละเอียดต่อไปนี้
Process 1.0
พนักงานหรือผู้จัดการทำการ Login เข้าสู่ระบบ
ระบบทาลำการตรวจข้อมูลว่าตรวจกับฐานมูลหรือไม่ถ้าตรงกันกันจะสามารถเข้าสู่ระบบได้
Process 2.0
พนักงานแผนกการขาย ทำการ เพิ่มข้อมูลลูกค้า,ข้อมูลสินค้า,ข้อมูลการขายสินค้า เข้าสู่ระบบ และทำงานบันทึกข้อมูล
ลงฐานข้อมูลของแต่ละส่วน เช่น ข้อมูลลูกค้า เข้า ฐานข้อมูลลูกค้า ข้อมูลการซื้อขาย
เข้าฐานข้อมูลการซื้อขาย
และพนักงานสามารถเรียกดูข้อมูลสินค้าได้โดยจะดึงข้อมูลจากฐานข้อมูล
Process 3.0
ผู้จัดการสามารถเรียกดูข้อมูลทั้งหมดจากระบบ
และระบบจะส่งข้อมูลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลลูกค้า ข้อมูลการซื้อขาย
ข้อมูลลูกค้า โดยหากพบข้อผิดพลาด จะส่งกลับไปให้พนักงานทำการแก้ไข
อธิบาย Data flow Diagram Level 1
จาก Context Diagram สามารถแบ่งขั้นตอนการทางานภายในระบบออกเป็น
3 ขั้นตอน ดังนั้นจึงแยก Process ที่เกี่ยวข้องกับระบบ
ดังรายละเอียดต่อไปนี้
Process 1.1
พนักงานหรือผู้จัดการเข้าสู่ระบบพิมพ์ ข้อมูล User เพื่อเข้าสู่ระบบ Login ระบบทำการตรวจเช็ค user
, password จากฐานข้อมูลว่าถูกต้องหรือไม่
และระบบจะส่งการยืนยันการเข้าสู่ระบบ
Process 2.1
พนักงานแผนกการขาย นำข้อมูลลูกค้าเข้าสู่ระบบ
ระบบทำการบันทึกข้อมูลลงฐานข้อมูล
Process 2.2
พนักงานแผนกการขายนำข้อมูลการซื้อขายสินค้าเข้าสู่ระบบ
ระบบทำการบันทึกข้อมูลลงฐานข้อมูล
Process 2.3 พนักงานแผนกการขายเรียกดูข้อมูลสินค้า
ระบบทำการดึงข้อมูลสินค้าจากฐานข้อมูล
Process 3.1ผู้จัดการเรียกดูข้อมูล ลูกค้า ข้อมูลสินค้า ข้อมูลสินค้า
โดยระบบจะดึงข้อมูลจากฐานข้อมูล
โครงสร้างตารางฐานข้อมูลของแผนการขายมีดังนี้
ตารางลูกค้า
ตารางการสั่งซื้อสินค้า
ขั้นตอนที่ 5
การออกแบบหน้าต่าง Interface
หน้า
เข้าสู่ระบบ เป็นหน้าที่ พนักงานแผนกการขาย ต้องเข้าสู่ระบบเพื่อทำการ เพิ่ม/แก้ไข/ลบ/ข้อมูลสินค้า,ข้อมูลลูกค้า
ส่วนที่ 1 คลิกเพื่อทำการใช้รหัสผู้ใช้
ส่วนที่ 2 คลิกเพื่อทำการใส่รหัสผ่านผู้ใช้งาน
ส่วนที่ 3 เมื่อทำตามส่วนขั้นตอนที่1-2 เสร็จให้กดปุ่มเข้าสู่ระบบ จะไปยังหน้า ระบบการขาย
ส่วนที่ 4
ถ้าไม่ต้องเข้าสู่ระบบก็ กดออกจากระบบโปรแกรมก้จะปิดอัตโนมัติ
เมื่อเข้าสู่ระบบผิดพลาด
จะแสดงหน้าต่างดังนี้
เมื่อพนักงานเข้าสู่ระบบผิดพลาด
ส่วนการทำงานหน้านี้มี 1 ส่วน
ส่วนที่1 เข้าสู่ระบบใหม่โดย
เมื่อคลิกแล้วระบบจะทำการย้อนกลับไป หน้า Login ใหม่อีกครั้ง
เมื่อเข้ามายัง หน้าเข้าสู่ระบบได้
เมื่อพนักงานเข้าสู่ระบบแล้ว
โปรแกรม 3 ส่วน โดยแต่ละส่วนจะทำงานดังนี้
ส่วนที่1 คลิกเพื่อเข้าไปสู่หน้า
ของข้อมูลลูกค้า
ส่วนที่2 คลิกเพื่อเข้าไปสู่หน้า
ของข้อมูลการซื้อขาย
ส่วนที่ 3 คลิกเข้าไปหน้าสินค้าทั้งหมด
ส่วนที่ 4 คือออกจากระบบ
หน้าข้อมูลลูกค้า
หน้าส่วนของลูกค้ามีส่วนการทำงาน 6 ส่วนดังนี้
1.การเพิ่ม/บันทึกข้อมูล
เมื่อพนักงานต้องการเพิ่มข้อมูลค้าก็กรอกข้อมูล ลงในช่อง
แล้วทำการกดเพิ่มข้อมูลก็จะทำการจัดเก็บ
2.การแก้ไขข้อมูล
ถ้าเกิดเหตุข้อมูลผิดพลาดพนักงานจำเป็นต้องแก้ไขข้อมูล สามารถทำได้โดย
กรอกรหัสลูกค้าที่จะทำการแก้ไขแล้วคลิก ที่ ปุ่มค้นหา ระบบก็จะดึงข้อมูลลูกค้าออกมาและทำการแก้ไขเมื่อสำเร็จให้พนักคลิกปุ่มแก้ไขซ้ำเพื่อทำการบันทึกข้อมูล
3.การลบข้อมูล
ในส่วนนี้เมื่อพนักพนักงานต้องการลบชื่อลูกค้าก็ทาชำในลักษณะเดียวกับการแก้ไขข้อมูลโดยการค้นหารหัสลูกค้า
แล้วทำการลบได้ โดยคลิกปุ่มลบ
4.ค้นหา/เรียกดู
เมื่อพนักงานต้องเรียกดูข้อมูลค้า หรือต้อง แก้ไขข้อมูล ลบข้อมูล
5.พิมพ์ ในส่วนนี้จะเป็น
พิมพ์ชื่อลูกค้า โดยเมื่อคลิกแล้วจะแสดงลักษณะดังรูป
6. ย้อนกลับ
เป็นปุ่มพนักงานทำงานเสร็จสินแล้ว ย้อนกลับเมนูหลักเพื่อ ออกจากระบบ หรือ
ทำงานในส่วนอื่น
หน้าส่วนของสินค้ามีส่วนการทำงาน 2 ส่วนดังนี้
1. ค้นหาสินค้าโดยการป้อน รหัสสินค้า แล้วค้นหาก็จะแสดงข้อมูล
ของสินค้าขึ้นมาเพื่อให้ทราบว่า รายการสั่งซื้อ ที่ลูกค้าสั่งมีจำนวนสินค้าหรือไม่
2. ย้อนกลับ
เป็นปุ่มพนักงานทำงานเสร็จสิ้นแล้ว ย้อนกลับเมนูหลักเพื่อออกจากระบบ หรือ
ทำงานในส่วนอื่น
ขั้นตอนที่ 6
การพัฒนาและติดตั้งระบบระบบ
เอกสารคู่มือการใช้งานโปรแกรมของระบบงานซื้อขายสินค้า
เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ระบบสามารถเข้าใจการทำงานของโปรแกรมมากยิ่งขึ้น
โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
-แนะนำ
โปรแกรมระบบรายรับ-รายจ่าย
-โปรแกรมระบบงานซื้อขายสินค้า
เป็นโปรแกรมที่ทำซึ่งประกอบด้วยระบบย่อยทั้งหมด 2 ระบบ
ได้แก่ระบบลูกค้า กับ ระบบข้อมูลการซื้อขาย
การติดตั้งระบบ
ทีมงานเลือกที่จะติดตั้งระบบแบบขนาน คือการใช้ระบบใหม่ และ ระบบเก่า ไป พร้อมๆ กัน
เพราะ ทีมงานที่พัฒนาระบบได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการดำเนินงาน เพราะ
ถ้าหากวางระบบใหม่ทั้งหมดทีเดียว อาจทาให้การดำเนินงานเกิด การขัดข้องได้
จึงเลือกที่จะติดตั้งระบบแบบขนาน
ขั้นตอนที่ 7
การซ่อมบำรุง
การซ่อมบำรุงนั้นจะขึ้นอยู่กับผู้พัฒนาระบบว่าระบบนั้นมีปัญหาอะไรบ้างจะอยู่ในความดูแลของผู้พัฒนาระบบมีการดูแลระบบอย่างต่อเนื่องเมื่อระบบมีปัญหาทางผู้พัฒนาระบบจะทำการซ่อมแซมระบบอย่างรวดเร็วหลังเกิดปัญหา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น